วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

...เลือดขัตติยา...ความงดงามแห่งค่าของ "ความรัก"...



เลือดขัตติยา
บทประพันธ์ของ ลักษณวดี
ซึ่งก็คือ ทมยันตี โรสราเรน และ กนกเรขา

ความรักของผู้บัญชาการทหาร อโณทัย และเจ้าหญิงรัชทายาท ทิพยรัตน์ดารากุมารี
อโณทัยได้รู้จัก "ดารา " ที่ซุกซนน่ารักเป็นนักหนา ก่อนที่จะได้รู้ว่า ดารา ก็คือเจ้าหญิงรัชทายาท




ดาว
..พร่างพราววาววับจรัสไข
สูงเกินกว่าหัตถ์ของผู้ใด
ที่จะได้ไขว่าคว้ามาชมเชย....


เวลาใดที่ดวงอาทิตย์ “ อโณทัย” ขึ้นมา เหล่าดวงดาราก็จะหลีกลี้สิ้นแสงหายไปจนสิ้น



เจ้าฟ้าหญิงทิพยรัตน์ดารากุมารี :ดวงอาทิตย์ยามที่สวยที่สุดมีอยู่สองเวลาเท่านั้นคือ ตอนขึ้นและตอนตกเพราะรัศมีอ่อนเย็นตา แต่ยิ่งโคจรสูงขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเปล่งแสงแรงร้อนรุมขึ้นทุกที เหมือนเธอแหละอโณทัย
อโณทัย :กระหม่อมเป็นได้เพียงดวงอาทิตย์แรกอุษาเท่านั้นเอง




ทิพยรัตน์ดารากุมารี : เปล่า...ตอนนี้เธอกำลังโคจรสูงขึ้นทุกทีต่างหาก ยิ่งเธออยู่สูงเท่าไหร่ เปล่งรัศมีออกมาเพียงไร จะได้ทำเพียงเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้วอดวาย
อโณทัย “ แต่ถ้าจะถึงยามสนธยา เพื่อให้ดวงดาวได้จำรัสอยู่บนท้องฟ้าแล้ว กระหม่อมยินดี จะตกโดยเร็วที่สุด

เมื่อใด หากรุ่งอโณทัย ดารามักจะหายไปเสมอ



ทิพยรัตน์ดารา : เขากับฉันต่างกันนักหนา เขาเป็นผู้หญิงที่อิสระที่จะทำอะไรได้ดังใจปรารถนา แต่ฉันคือ เจ้าหญิงรัชทายาท ที่มีมงกุฎเป็นเครื่องบังคับ
อโณทัย : สำหรับกระหม่อม รู้จักเจ้าหญิงรัชทายาทในฐานะที่กระหม่อมเป็นข้าทหาร แต่กับดารา..เธอเป็นดวงประทีปในใจกระหม่อมตลอดมา กระหม่อมยอมเสียหัวเพื่อค้ำจุนราชบัลลังก์ให้เจ้าหญิงรัชทายาทได้ แต่กับดารากระหม่อมเชือดหัวใจให้เขาได้




ทิพยรัตน์ดารา :ถ้าเขารู้ เขาคงปลื้มใจ นะอโณทัย
อโณทัย : แต่กระหม่อมไม่หวังให้เขารู้ ถ้ากระหม่อมรักอะไร กระหม่อมยินดีรัก โดยไม่หวังได้ความรักนั้นตอบแทน...





ดารา..สูงนักหนา..สูงสุดมือคว้า..
ในเลือดขัตติยา ดาราอยู่สูงนักหนา สูงสุดมือคว้า สำหรับ อโณทัย

ไม่ว่า ทิพยรัตน์ดารา ดั่งจะเป็น

"...กุหลาบงามยามบาน
แย้มกลีบตระการ
หรือคือ ดาว.."พร่างพราววาววับจรัสไข..."

ทิพยรัตนดารา ล้วนสูงสุดมือคว้าไปเสียสิ้น







ตามกฎธรรมชาติ เมื่อไหร่มีดารา ย่อมไม่มีอโณทัย


เจ้าหญิงรัชทายาททิพยรัตนดาราทรงลงพระนามในคำพิพากษา และ ประหารอโณทัย


แต่เมื่อดวงอาทิตย์ดวงนั้นลับขอบฟ้าไป สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ คือความมืดมิดและเยือกเย็นตลอดกาล และน้ำเสียงที่ปลอบโยนราวพี่ชายกำลังปลอบน้องน้อยว่า “ อย่าร้องไห้...ดารา...อย่าร้องไห้ ...”





เรื่องย่อ เลือดขัตติยา

เลือดขัตติยา จากปลายปากกา ของลักษณวดี

เลือดขัตติยา
ความงดงามแห่งค่า...ของความรัก...

อโณทัย ผู้ที่ มีรักที่“ รักเพราะรัก รักเพราะรู้ว่าตัวเองรัก... รักอย่างที่ปรารถนาให้คนที่รักได้สถิตอยู่ในที่อันสูงสุด มีความสุขสูงเด่นกว่าคนทั้งปวง รักอย่างไม่อยากให้หัวใจของเธอมีความรู้สึกอื่นๆมาแผ้วพาน เหมือนรักรูปภาพที่จับต้องไม่ได้ ได้แต่เฝ้ามองดูชื่นชมแต่เพียงประการเดียวไม่ได้ปรารถนาอะไรเป็นการตอบแทน



อโณทัย นายช่างผู้ก่อภูเขา เมื่อสำเร็จเรียบร้อย ก็มีสิทธิเพียงชะแง้มองอยู่เพียงตีนเขา

ทิพยรัตน์ดารา : ถ้าฉันเป็นธรรมดาสามัญชน ฉันจะระวังรักษาหัวใครก็ได้ แต่ในฐานะเจ้าหญิงรัชทายาท ฉันต้องใช้หัวทุกคนค้ำจุนราชบัลลังก์ เพราะแม้ฉันจะตายไป แต่ราชบัลลังก์ต้องอยู่ ฉันต้องรักษาไว้ให้คนข้างหลัง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง



ทิพยรัตน์ดารา จะทรงเลือกอย่างไร

ระหว่างความรักในดวงหฤทัย กับ ความมั่นคงของราชบัลลังก์ยโสธร
แต่ด้วยเลือดขัตติยา เจ้าหญิงดาราจำต้องเลือก ภาระหน้าที่ต่อราชบัลลังก์

เรื่องย่อ

เจ้าหญิงทิพยรัตน์ดารากุมารี ทรงเป็นพระธิดา ของเจ้าหลวงพระองค์ก่อนของแคว้นยโสธร องค์เจ้าหลวงองค์ปัจจุบันทรงเป็นพระอนุชา และมีพระโอรส คือเจ้าชายสิทธิประวัติ และเป็นเจ้าชาย รัชทายาทแห่งแคว้นยโสธร ทรงรักเจ้าหญิงทิพยรัตน์ดารา รัชทายาทลำดับสามของแคว้นยโสธร และต่อได้เป็นพระคู่หมั้นกัน

เลือดขัตติยา (The Princess)


เจ้าหญิงพระองค์น้อยดาราทรงซุกซน เฉลียวฉลาด ร่าเริง แจ่มใส ไม่ถือองค์ แอบหนีไปเที่ยว ที่ริมน้ำ ระหว่างทางในสวน ได้พบแหวนทองในปากกบที่บ่อน้ำพุ แหวนวงใหญ่ไปสำหรับเจ้าหญิง ทรงเก็บไว้ เมื่อไปที่เกาะกลางน้ำ ได้พบ อโณทัย ซึ่งถูกชะตากัน คบเป็นเพื่อนเล่น อโณทัย ไม่รู้ว่า เป็นเจ้าหญิงรัชทายาท และเรียก ทิพยรัตน์ดารากุมารี เพียง ดารา
ดาราให้แหวนกับอโณทัย ซึ่งใส่ได้เกือบพอดีกับนิ้วกลางของอโณทัย




ทั้งสองนัดมาเที่ยวเล่นกันเสมอ และชอบที่พายเรือเล่น บางครั้งก็เล่นในป่าละเมาะ

ดาราเป็นราชินี ส่วน อโณทัย เป็นผู้บัญชาการทหาร
อโณทัย ทำมงกุฎดอกไม้ให้ดารา
อโณทัย บอกดาราว่า ถ้าเราได้เป็นทหาร เราจะเลือกดาราเป็นราชินี

วันเวลาผ่านไป

อโณทัย เข้าโรงเรียนนายทหาร และเป็นทหารองครักษ์ ของเจ้าชายรัชทายาท และได้รู้ว่า ดาราคือใคร
ต่อมาได้เป็น ผู้บัญชาการทหาร

พระราชเทวีพระมารดา หาครูพิเศษมาสอน รัฐศาสตร์การปกครองกับเจ้าหญิงทิพยรัตน์ดารา
และครูคือ พ่อของอโณทัย นั่นเอง



อโณทัย วางแผน กับ เสนาบดีของยโสธร ให้ เจ้าหญิงแขไขที่จะต้องเป็นคู่หมั้นกับเจ้าชายรัชทายาท สิทธิประวัติ ถูกแคว้นเขมรัฐเลือกเป็นราชินี ด้วยเหตุผลการเมือง ทั้งที่เจ้าชายเขมรัฐทรงพอพระทัยเจ้าหญิงทิพยรัตน์ ทำให้เจ้าชาย รัชทายาทได้หมั้นกับเจ้าหญิงทิพยรัตน์ดารา

แต่อโณทัย ต้องการให้ เจ้าหญิงทิพยรัตน์ ได้นั่งบัลลังก์สูงสุดกว่า บัลลังก์ของยโสธร นั่นคือบัลลังก์ ของ สมาพันธรัฐ



อโณทัย: นานมาแล้วเด็กชายคนหนึ่งได้สัญญากับเด็กหญิงคนหนึ่งว่า ถ้าเด็กหญิงคนนั้นจะเป็นพระราชินี เขาจะเป็นทหารที่ยอมถวายชีวิตไว้ใต้เบื้องพระยุคลบาท
เจ้าหญิงทิพยรัตน์ : เธอไม่อยากให้ฉันเป็นเพียง ดารา หรือ
อโณทัย: สันดานของผู้ชายทุกคนเหมือนกัน ถ้าเขาไม่วางสิ่งที่เขา ..บูชา..ไว้ในที่สูงสุด ก็จะลากลงมาไว้กับตัวเอง กระหม่อมถวายสัญญาว่า มงกุฎราชินีที่ทรงสวมจะไม่ได้หมายถึงความเป็นเอกในแคว้นใดแคว้นหนึ่ง แต่... กระหม่อมจะเอาชีวิตตัวเองเป็นราชพลีสำหรับ “เพชรยอดมงกุฎ ของทุกแคว้นพระเจ้าค่ะ

อโณทัย มุ่งมั่น กับความตั้งใจ จน บิดา ถามว่า : ลูกคิดจะก่อปราสาทเชียวหรือ เราอาจจะก่อปราสาทได้ แต่ที่นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเราอยู่หรอกนะ
อโณทัย : ผมก่อปราสาทขึ้นมาก็เพื่อ “ ใครคนหนึ่ง”ที่เหมาะสมอยู่ แต่ไม่จำเป็นที่ผมจะอาจเอื้อมขึ้นไปอยู่เองหรอกครับพ่อ
ไม่มีใครก่อปราสาทได้คนเดียวหรอกครับ แต่คนบงการต้องมีคนเดียว

พ่อ:คุณลักษณะของคนที่จะเป็นใหญ่ ไม่ใช่แค่มีอำนาจอยู่ในมือเท่านั้น ต้องรู้ว่าตัวเองจะใช้อำนาจอย่างไรถูก อำนาจไม่ใช่อยู่ที่อาวุธ แต่อำนาจคือ คน การใช้คน จึงเป็นศิลปะที่ผู้เป็นใหญ่ต้องเรียนอย่างไม่มีวันจบสิ้น ถ้าลูกจะ”บงการ “ให้คนก่อปราสาท ลูกต้องรู้ว่า คนอย่างไหนจะใช้เป็นรากฐาน และคนอย่างไหนใช้เป็นร่างร้าน สำหรับจะรื้อทิ้งในวันหน้า ก่อนที่จะ”ก่อ”สิ่งใด ลูกต้องแน่ใจว่าจะใช้สำหรับประโยชน์สิ่งใด และอย่าแปรความคิดเป็นอันขาด

อโณทัย : พ่อห่วงในเรื่องที่ผมจะสร้างปราสาทหรือกลัวผมจะนั่งปราสาทกันแน่
พ่อ : เพราะพ่อรู้จักลูกดีน่ะสิ อโณทัย...คนเราอาจจะมีความมุ่งหมายพยายามอย่างแรงกล้า แต่ต้องรู้จักตัวเอง...
.........



อโณทัย: ถ้าผมพลาดจากที่หนึ่งก็จะต้องไปอยู่อีกที่หนึ่ง แต่ตัวผมรู้ดีกว่านั้น..หากผมพลาด...บางที ผมอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิตของผมทีเดียว ผมจะก่อปราสาทอย่างที่พ่อว่า แต่....ปราสาทของผม เพื่อ...พระราชินีของยโสธรมากกว่าใครอื่น

พ่อ : แต่การที่นักการเมืองทำอะไรเพื่อตัวบุคคลนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรลูก นักการเมืองที่ดีจะต้องระลึกถึงหมู่คณะไว้เสมอ
สักวันหนึ่ง ...อโณทัย...ลูกจะรู้ว่า มนุษย์เรามีสิ่งอื่นสำคัญกว่าหัวใจตัวเอง

อโณทัย : ไม่หรอกครับพ่อ สำหรับผม หัวใจมาก่อน จากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นก็ช่าง





อโณทัย พาเจ้าหญิง ไปดู ภูเขาและน้ำตกจำลอง

เจ้าหญิงทรงนึกถึงสถานที่เคยเที่ยวเล่นสนุกสนานกับอโณทัยในวัยเด็ก
อโณทัย ขอให้เจ้าหญิง ลืมทั้งหมดเสีย” มนุษย์เราบางครั้งก็ต้องทำเป็นลืมบางอย่าง
ทำเป็นลืม...เพราะ...ความจริงแล้ว เราจำได้เสมอ จำได้..
สักวันหนึ่ง ฝ่าบาทจะได้ประทับอยู่บนที่สูง เช่นนั้น สักวันหนึ่งคงไม่นาน
เจ้าหญิง : มันจะมีประโยชน์อะไร..อโณทัย..ที่จะให้ฉันขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้นแล้วก้มลงมาดูทุกคนข้างล่าง
อโณทัย : ก็เพราะมีคนอยู่ไม่กี่คนน่ะซิพระเจ้าค่ะ ที่จะทำได้ กระหม่อมถึงอยากให้คน คนนั้นเป็นฝ่าบาท ตราบใดที่กระหม่อมอยู่ที่ฐานราชบัลลังก์ จะไม่มีอะไรมาทำให้ไหวสะท้านได้เป็นอันขาด



เจ้าหญิงเห็นแหวนที่ ดาราให้อโณทัยไว้ในวัยเด็ก บัดนี้อโณทัยก็ยังสวมไว้
อโณทัย กราบทูลว่า : กระหม่อมตั้งใจไว้ว่า แม้ยามตายก็จะเอาติดตัวไปด้วย.. นอกจาก...คนที่ให้..เขาทวงคืน..ซึ่งเท่ากับว่ายื่นความตายให้กระหม่อมเหมือนกัน เพราะเท่ากับเขาบอกกระหม่อมว่า ระหว่างเรา ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว..

เจ้าชายรัชทายาทที่ทรงอ่อนแอประชวรและสิ้นพระชนม์

ยโสธร ต้องประกาศแต่งตั้งเจ้าหญิงทิพยรัตน์ดารากุมารี รัชทายาทอันดับสาม ขึ้น เป็นเจ้าหญิงรัชทายาท กลางดึก ตัดหน้า เจ้าหญิงแขไข รัชทายาทลำดับสองที่ไปเป็นราชินีของแคว้นเขมรัฐ และกำลังเร่งเดินทางกลับมาทวงสิทธิ์

เกิดความวุ่นวายกับคลื่นใต้น้ำ ที่เจ้าหญิงแขไขก่อกวนเพื่อทำลายตำแหน่งของเจ้าหญิงทิพยรัตน์ดารา และทวงคืนตำแหน่ง เจ้าหญิงรัชทายาท

ในขณะ ที่มีการประชุมสมาพันธรัฐ เพื่อสรรหา ผู้นำสมาพันธรัฐ
เจ้าหญิงทิพยรัตน์ได้รับความชื่นชมยอมรับในพระปรีชาสามารถ ของการเป็นราชินี ในที่ประชุมผู้นำแคว้นต่างๆ

สุดท้าย ....

อโณทัย ยอมเอาศีรษะของตนเองเป็นเดิมพัน เปิดโปงเจ้าหญิงแขไข ที่เข้ามาก่อความวุ่นวายในยโสธร
เจ้าหญิง ทิพยรัตน์ ต้องทรงลงพระนาม พิพากษา ความผิดของอโณทัย และ ประหารชีวิตของ อโณทัย ในวัน พระราชพิธี แต่งตั้งราชินีแห่งสมาพันธรัฐ ตามที่ อโณทัย เลือกทางเดินของตนเอง ในการ ค้ำจุน ความมั่นคงของบัลลังก์ราชินี สมาพันธรัฐ ที่มีราชินี อันทรงความเที่ยงธรรม ไม่เห็นแก่ผู้ใด ในการกระทำผิด ของ อโณทัย
เป็น การสร้างความเกรงกลัว
เสริมบารมี ของ ราชินี ทิพยรัตน์ดารา

พ่อของอโณทัยกราบทูลเจ้าหญิงทิพยรัตน์ดาราว่า

พ่อของอโณทัย : เมื่อจะทรงเป็นผู้ครองแคว้น ก็ไม่ควรคำนึงถึงหัวคนเพียงคนเดียวอีกสืบไป และถ้าหัวคนเพียงคนเดียวนั้น จะสามารถค้ำจุนฐานะทางบัลลังก์ไว้ได้ ไม่ว่าหัวนั้นจะเป็นหัวใคร ทรงโปรดมากน้อยแค่ไหนก็ควรจะทรงยอมเสีย นักการเมืองที่ดีจะคิดอยู่สองประการ คือทำอย่างไรประเทศชาติถึงจะอยู่รอด และทำอย่างไรตัวเองถึงจะอยู่รอด ไม่มีหรอกพระเจ้าค่ะที่ทุกคนจะอยู่รอดหมดแล้วแว่นแคว้นจะดีตามไปด้วย ทรงได้และทรงเสียย่อมมาคู่กันเสมอ

ในฐานะพ่อคนกระหม่อมย่อมห่วงลูก ในฐานะของครูกระหม่อมย่อมห่วงลูกศิษย์แต่ในฐานะของคน ยโสธร กระหม่อมไม่ห่วงใครเลย นอกจากว่ายโสธรจะอยู่รอด หรือรุ่งเรืองแค่ไหน

เจ้าหญิง : ต่อไปหญิงจะทำอย่างที่ครูสอน ในฐานะของผู้ครองแคว้น ถ้า...หัวใครจะทำให้ ยโสธรรุ่งเรือง หญิงจะใช้หัวนั้น แม้จะเป็นหัวของตัวหญิงเองหญิงก็จะยอม....


เจ้าหญิง ตรัส กับนางข้าหลวงผกาว่า

ที่หมู่ปราสาทราชมณเฑียร ที่ที่ใครอิจฉานัก จะมีใครรู้บ้างไหมว่าเราต้องแบกภาระไว้หนักเท่าใด คนที่อยู่ที่นั่น เหนื่อยไม่ได้ โกรธใครไม่ได้ และทำอะไรตามใจไม่ได้ มีสภาพเป็นเสาศิลา ไม่สะดุ้งสะเทือนหวั่นไหวตลอดมา ต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น ต้องฉลาดเสมอ และเที่ยงธรรม ฉันถูกลิดรอนสิทธิ์ในสิ่งที่คนอื่นเขามีมาตลอด
คนที่เลิศที่สุดในแผ่นดิน แปลได้อย่างเดียวคือ คนที่ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างทุกคนในแผ่นดิน
หน้าที่ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ฉะนั้นต้องคิดถึงแต่เรื่องของแผ่นดินมากกว่าตัวเอง

องค์เจ้าหลวง ( พระเจ้าอาของเจ้าหญิง)
ดารา...อารู้ว่าภาระที่หลานแบกอยู่นั้นหนัก และภาระนี้แหละที่ทำให้เราต้องวางตัวเปรียบประดุจคันชั่งที่ไม่สามารถโอนเอียงไปทางหนึ่งทางใดได้ น้ำหนักของมงกุฎที่กดอยู่บนหัวเรา ทำให้เราต้องตั้งตัวตรงพร้อมกับรำลึกไว้ว่า หน้าที่ของเจ้าแผ่นดินคือสอดส่ายสายตาดูคนให้ทั่วแผ่นดิน ยกเว้นตัวเอง


เลือดขัตติยา (The Princess): Don't to Cry



ดารา ไปเยี่ยม อโณทัย ก่อนวันประหาร
อโณทัย : อย่าร้องไห้...ดารา... ฟังนะ ...ดารา.. การตายของคนคนหนึ่งมิได้แปลว่าทุกอย่างจะจบสิ้นลงไปด้วย การตายเป็นเพียงการนอนหลับอันยาวนาน และคนที่นอนหลับคนนั้นขอให้สัญญาว่า เขาจะคอย..คอย..จนกว่าคนที่เขาฝันถึง จะได้มานอนเคียงข้าง เพื่อร่วมอยู่ในความฝันอันเดียวกัน คนที่จากไป ไม่ได้แสดงว่าเขาเข้มแข็งหรือเสียสละอะไรนักหรอก เพราะเขาปฎิบัติภารกิจสุดท้าย...แวบเดียว.. แทบไม่ทันรู้สึกอะไรเสียด้วยซ้ำ แล้วเขาก็จะได้นอนอย่างแสนสุข แต่คนที่อยู่ข้างหลังสิ ต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง เสียสละทั้งกำลังกายและกำลังใจ จึงจะยืดหยัดอยู่ได้ เพราะฉะนั้น..อย่าร้องไห้ เพราะน้ำตาจะทำให้กำลังใจมลายหายไปได้เสมอ... ร้องไห้ทำไม ..โง่จัง
ก็ไหนเคยคุยว่าอยากเป็นราชินี และอโณทัยก็เคยสัญญาว่า จะทำให้เด็กหญิงดาราได้เป็นพระราชินีให้ได้

ดารา : เอาตำแหน่งนี้คืนไปเถอะ ฉันไม่เคยอยากได้เลย
อโณทัย : วันคืนไม่เคยถอยหลัง นอกจากก้าวไปข้างหน้า
อโณทัย : หัวแรกที่เจ้าหญิงรัชทายาททรงลงพระนามประหารได้ ย่อมเป็นเครื่องหมายให้คนทั้งประเทศรู้ว่า พระราชินีในอนาคตของเขาจะไม่ทรงลังเลอีกเลยสำหรับหัวอื่นๆ ที่ทำผิด เพราะคนเราถ้าตัดหัวคนที่....คุ้นเคยกันมาเป็นอย่างยิ่งได้ คนอื่นๆย่อมหวาดเกรงมากกว่าปกติ

ดารา: ไม่ใช่แค่คนที่เพียงแต่ “คนคุ้นเคย” หรอกอโณทัย แต่เป็น หัวของคนที่ดารารักเท่ากับตัวเองทีเดียว

อโณทัย : ดารา ช่วยไปกราบทูลเจ้าหญิงรัชทายาททีเถอะว่า หากจะเห็นแก่ความจงรักภักดีของคนคนหนึ่งแล้วขอให้ประหารเขาในเวลา พระราชพิธีสถาปนาเป็นราชินี เพราะเขาจะได้รู้สึกว่า หัวของเขาได้ค้ำจุนราชบัลลังก์ไว้อย่างแท้จริง

ดารา : ถ้าจะทำให้คนคนนั้นรู้สึกอย่างที่เขาต้องการ ฉันสัญญาแทนเจ้าหญิงรัชทายาทได้เลยว่า เขา...จะถูกประหารในเวลานั้น ฉันจะไม่มีวันเหลือน้ำตาไว้ให้ใครอีก ถูกอย่างเธอว่า ถ้าเราเคยทำให้หัวของคนที่เรารักหลุดจากบ่าได้ เราย่อมไม่อาทรต่อหัวใคร แม้แต่หัวตัวเอง

อโณทัย : ไปเถอะ..เราจะจดจำภาพนี้ไว้ พร้อมด้วยความหวังว่า พรุ่งนี้...เราจะได้พบกันอีก แม้ว่า...พรุ่งนี้มันจะมีหรือไม่ก็ตาม แต่ก็จะทำให้หัวใจเรามีความหวังหล่อเลี้ยง ไปเถอะ...ดารา..แล้วอย่ามาอีก เพราะจะทำให้หัวใจของฉันหมดความสุข เนื่องจากจะพะวงห่วงหาเธอเรื่อยไป
“ ลาก่อน ..ดารา...หากฉันได้เวลา..นอนหลับ ฉันจะขอร้องให้เจ้าหน้าที่ให้วางมือที่สวมแหวนวงนี้ไว้แนบหัวใจ เพื่อจะได้เป็นเครื่องหมายว่า อโณทัยไม่เคยมีใครอื่น นอกจาก.... เธอคนเดียวเท่านั้น ลาก่อน ทิพยรัตน์ดารากุมารี



วันพระราชพิธี

ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีเทาจางๆ หมู่เมฆที่ลอยอยู่เกลื่อนกลาดประดับด้วยรัศมีสีต่างๆ ราวจะต้อนรับวันสำคัญ ดาวประกายพรึกทอแสงเจิดจำรัสอยู่เหนือทิวไม้ยังไม่ยอมเคลื่อนคล้อยลงง่ายๆ ลมเย็นที่โชยผ่านมาพาเอาความชุ่มชื้นของหยาดหยดน้ำค้าง และกลิ่น ไม้ดอกที่งามที่สุด เหน็บซ้อนไว้แนบหัวใจ
อโณทัย บอกเจ้าหน้าที่ประหารว่า “ผมจะเป็นคนให้สัญญาณเอง เมื่อพร้อม
อโณทัย หันตรงไปเบื้องทิศตะวันออก ถูกรัศมีสีทองจับเป็นประกายกระจ่างทั้งตัว ดวงตายังจับอยู่ ณ ดวงดาวที่หรี่แสงลงทุกที


เลือดขัตติยา (The Princess): Ending


ดารา..
สำเนียงที่ขานนาม ซาบซึ้งด้วยความรักอย่างสุดแสน ก่อนที่เจ้าตัวจะคุกเข่าลง ผ้าเช็ดหน้าสีขาวในมือขวายกขึ้นสูง.....ลมเย็นๆ หยุดพัด เสียงน้ำค้างหยาดหยดหยุดนิ่ง ใบพฤกษ์สงบไม่เคลื่อนไหว...ประกายของเงาโลหะต้องรัศมีสีทองของดวงอาทิตย์ยามอโณทัยแวววับ...ครั้นแล้ว..ผ้าสีขาว..เบาบาง...ก็ค่อยๆหลุดปลิวคว้างลงมา...



ในท้องพระโรง

เจ้าหญิงทรงภูษาสีดำ ออกรับพิธีสถาปนา ขณะเสด็จพระราชดำเนิน น้ำพระเนตรคลอคลอง

ดูเหมือนเสียงห้าวลึก อ่อนหวานอาทรไปด้วยความรัก แว่วมาสู่ความทรงจำ กระแสแห่งความรักอันเปี่ยมท้น นับจากนี้จะเหลืออยู่เพียงความทรงจำ สดใส ยืนยาว ที่ไม่มีวันรู้จืดจางหรือรางเลือนไปเป็นอันขาด
“ อย่าร้องไห้...ดารา...อย่าร้องไห้....”
ไกลออกไป.ที่เกาะกลางน้ำ ที่ ณ.หน้าผาสูงอันร่มรื่นด้วยทิวพฤกษ์ชอุ่มครึ้ม บุคคลหนึ่งคงจะได้นอนสงบอยู่ ณ ที่นั่นชั่วนิรันดร.... รอก่อน อโณทัย....รอก่อน...อีกไม่นานเราจะได้พบกัน....รอก่อน...



ยามใดที่ ดาราเจิดจ้าแจ่มจรัสกลางพโยม
ยามนั้นสุริยาทิตย์ ก็สิ้นแสง ลับเลือนหายไปจากฟากฟ้า
รอเพลา รุ่งอรุโณทัย ของวันใหม่
แต่ สำหรับ ทิพยรัตน์ดารา
อโณทัย มิได้หวนคืนมาใหม่ได้อีกเลย
คงสาดแสงแห่งความสว่างไสว อบอุ่น ละมุนละไม แค่ เพียงใน ดวงหฤทัย เท่านั้นเอง
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

1 ความคิดเห็น: